สีพ่นรถยนต์2k คืออะไร ทำไมถึงตอบโจทย์คนรักรถ ต้องอ่าน

หยดสี

สำหรับใครก็ตามที่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง แล้วรู้สึกต้องการพ่นสีรถยนต์ขึ้นมา ก็มักจะได้รับคำแนะนำว่าให้ใช้สีพ่นรถยนต์2k เลยดีที่สุด ทว่าความสงสัยที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะใครที่เพิ่งเคยลองทำเป็นครั้งแรก อยากรู้ว่าสีพ่นที่ว่าคืออะไร ทำไมถึงตอบโจทย์การใช้งาน และเราก็มีข้อมูลอย่างละเอียดสำหรับที่คนรักรถต้องอ่านมาบอกต่อ ซึ่งใครอยากรู้แล้วก็อย่ารอช้ากันอยู่เลย

รู้จักสีพ่นรถยนต์2k และประเภทสีพ่นรถยนต์อื่น ๆ

ก่อนอื่นขออธิบายให้เข้าใจกันเล็กน้อยว่าสีพ่นรถยนต์ที่มีให้เราเลือกใช้งาน โดยทั่วไปแล้วสามารถใช้งานกันได้ 3 ประเภทหลัก ๆ คือ

1.สี OEM

ก่อนรู้จักสีพ่นรถยนต์2k มาทำความรู้จักกับประเภทแรกอย่าง สี OEM กันหน่อย โดยนี่จะเป็นสีที่ถูกนำมาใช้ในโรงงานประกอบการทำรถยนต์โดยสาร โดยที่จะจัดอยู่ใน 1 องค์ประกอบ มีการนำมาผสมกับตัวทำละลายบางอย่าง เพื่อให้การใช้งานง่ายมากขึ้น โดยที่จะแห้งได้เมื่ออยู่ในการอบ 120 – 160 องศาเซลเซียส หรือที่เราคุ้นชินกับชื่อเรียกว่าสีอบนั่นเอง

โดยที่หลังจากสีแห้งต้องยอมรับว่าฟิล์มจะมีสีที่คุณภาพดูดีมาก มีความแข็งแรงสูง และทนต่อทินเนอร์ที่เป็นตัวทำละลาย หรือดีเซล / เบนซินก็เช่นกัน นอกจากนี้ยังทนต่อสารเคมีอื่น ๆ อย่าง น้ำมันเบรก มีความสามารถในการยึดเกาะ เนื้อสีสด เงางาม ทนต่อสภาพแดด ไม่ทำให้ซีดจางง่าย ทนสภาพเดิมได้นานด้วย

2. สี1k

ก็คือสีระบบ 1 องค์ประกอบ หรือ 1 Component หมายถึงการที่เราใช้ด้วยส่วนของสีเพียงอย่างเดียว โดยการใช้งานก็จะนำสีมาทำละลายกับ ทินเนอร์ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น แต่ตัวทำละลายที่ได้นำมาผสมนี้จะไม่ได้นับว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบ เพราะมีการระเหยของตัวทำละลายออกไปจนหมดหลังใช้งาน และจะเหลือเฉพาะฟิล์มสีที่แห้งตัวแล้ว พอมีปฏิกิริยาแบบว่าเชื่อว่าหลายคนคิดว่า 1K เป็นสีแห้งเร็ว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะสี 1K มีหลากหลายชนิด เช่น

  • สี 1K ไนโตรเซลลูโลส โดยจะเป็นสี 1K เพราะเป็นแบบแห้งตัวได้รวดเร็ว ซึ่งจะแห้งแบบระเหยออก เช่น ทินเนอร์ที่เรายกตัวอย่างไป
  • สี 1K ซินเทติกอีนาเมล หรือเรียกอีกอย่างว่าสีน้ำมัน โดยที่จะแห้งตัวช้า ซึ่งการแห้งตัวจะมีการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศก่อนแล้ว
  • สี 1K อะคริลิค เป็นสีที่จัดว่าแห้วตัวเร็วมาก ซึ่งจะแห้งโดยการระเหยตัวจากตัวทำละลายที่ใช้ อย่าง ทินเนอร์ก็จะแห้งได้เร็ว

3. สีพ่นรถยนต์2k

มาถึงการทำความรู้จักของ สีพ่นรถยนต์2k กันแล้ว โดยสีนี้จะเป็นระบบแบบ 2 องค์ประกอบ แบ่งออกเป็นส่วนตัวสีที่ถือเป็น 1 องค์ประกอบ และตัวเร่งปฏิกิริยา ที่ถือเป็นอีก 1 องค์ประกอบ โดยที่ก่อนจะใช้งานก็ต้องเอาทั้ง 2 องค์ประกอบมาผสมร่วมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม เกิดเป็นปฏิกิริยาทางเคมีขึ้นและจะทำให้เกิดการแห้งของสีได้ง่าย ๆ โดยสี 2K ที่ใช้จะมี 2 ชนิดคือ

  • สี 2K แบบอีพ็อกซี่
  • สี 2 K แบบโพลียูรีเทน

โดยการเร่งปฏิกิริยาจะใช้สารที่ชื่อไอโซไซยาเนท ที่เกิดการแห้งตัวของสีตามสูตรที่ผสมในอัตราส่วนก็จะทำให้ได้คุณภาพมากขึ้น มีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรงของชั้นฟิล์ม มีความทนทานต่อตัวทำละลาย ไม่ว่าจะเป็นเบนซิน หรือดีเซล รวมถึงทินเนอร์ และจะทนทานต่อสารเคมีต่าง ๆ อย่างน้ำมันเบรกเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ความเงางามก็มีสูง และเนื้อสีก็จะทนทานต่อแสงแดดได้ดี จึงไม่ทำให้ซีดจางง่าย พร้อมคงภาพให้อยู่นานมากขึ้น

หรือจะบอกว่าคุณสมบัติเทียบเท่าสี OEM ก็ว่าได้ ปัจจุบันสี 2K ไม่ได้เป็นสีแห้งช้าแล้ว เพราะได้มีการพัฒนาระบบและสามารถแห้งไวมากขึ้นไม่พอคุณสมบัติก็ยังดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

สินค้าแนะนำ

เหตุผลที่ควรเลือกใช้สีพ่นรถยนต์2k มากกว่าอื่น ๆ

เผื่อว่าใครอยากรู้เหตุผลถึงการตอบโจทย์มากกว่าประเภทอื่น ก็ต้องบอกเลยว่าการแห้งตัวของสีที่ใช้ค่อนข้างสำคัญ และเมื่อมีการแห้งตัวจากองค์ประกอบ 2 ส่วนที่ทำปฏิกิริยากัน ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ในเรซิ่น และอีกส่วนอยู่ที่ตัวเร่งหรือฮาร์ดเดนเนอร์ ถือเป็นการแห้งตัวที่ทำให้ได้ฟิล์มที่แห้งสมบูรณ์มากขึ้น และสีก็จะคุณสมบัติดีมากกว่า อาทิ

  • Weather Resistance : ความคงทนที่มีต่อสภาพดินฟ้าอากาศ
  • Durability : ความทนทานของรถที่มีการซ่อมสีด้วยสีพ่นรถยนต์2k ให้คงสภาพตามเดิม และมีระยะเวลาได้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งถือว่าสูงมาก
  • Color retention : ความสามารถในการคงสภาพสีเดิม ไม่ทำให้เกิดปัญหาซีดจางเปลี่ยนไปจากเดิมง่าย
  • Chemical Resistance : สามารถมีความทนทานต่อสารแคมีที่มีได้ดี ไม่ต้องกลัวปัญหาสึกหรอง่าย เช่น น้ำมันเบรก ทินเนอร์
  • Gloss : มีความเงางามสูงมาก
  • คุณสมบัติที่ได้จะมีความเหมือนกับสีที่ได้ใช้บริการจากโรงงานประกอบรถยนต์ O.E.M

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม :

ทั้งนี้ กระบวนการสีพ่นรถยนต์2k ที่ได้กล่าวมาจะต้องทำอย่างถูกต้องด้วยบริษัทผู้ผลิตสีที่จะกำหนดอัตราส่วนอย่างถูกต้อง เหมาะสม โดยรถที่จะใช้งานระบบนี้ได้ต้องค่อนข้างมีมาตรฐาน และอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานมีความทันสมัย เช่น ระบบถังปั้นลม ห้องพ่นสี กาพ่นสี รวมถึงช่างสีที่ต้องมีประสบการณ์สูงนั่นเอง